เพตรา นครศิลาสีกุหลาบ
สถานที่ตั้ง: จอร์แดน
เพตรา นครศิลาสีกุหลาบ เมืองมรดกโลก ที่แกะสลักขึ้นจากภูเขาทั้งลูก ที่เคยถูกลืมเลือนไปจากความทรงจำของผู้คนและสูญหายไปจากแผนที่นานนับพันปี
ซ่อนตัวอยู่ท่ามกลางอ้อมกอดของขุนเขาที่สูงชันประดุจเป็นปราการอันยิ่งใหญ่
มหาวิหารแกะสลักเสลาจากภูเขาอย่างกลมกลืนได้สัดส่วนและสวยงามน่าอัศจรรย์ เป็นอาคาร
2 ชั้น ประดับ
ด้วยเสาแบบคอรินเทียนส์และรูปคน ซึ่งสลักขึ้นจากเขาบริเวณกลางเมือง
ว่ากันว่าเป็นคลังที่เก็บสมบัติของฟาโรห์ เมื่อลัดเลาะไปตามพื้นหินและทรายกว่า 800
เมตร
ที่จะมุ่งหน้าไปในเส้นทางมหัศจรรย์ที่ทางเข้าออกของเมืองเพตรา คือ บริเวณซอกเขาเรียกว่า ซิค (Siq) เป็นหุบเขาสูง 250 ฟุต
และทอดคดเคี้ยวไปบนเส้นทางที่พาดผ่านเข้าไปถึงใจกลางเมือง เกิดจากการถูกน้ำซัดกัดกร่อนจนเกิดเป็นช่องทางเดินเล็กๆ
ระหว่างหุบเขา ความสวยงามของหุบเขาทั้งสองด้าน สวยงามด้วยสีสันของหินสีต่างๆ
ที่เกิดขึ้นจากธรรมชาติ
ชมร่องรอยซากปรักหักพังที่ยังมีร่องรอยให้เห็นการจัดการเรื่องการชลประทานใน
การลำเลียงน้ำจากแหล่งน้ำภูเขาเข้าสู่ตัวเมืองได้อย่างน่าทึ่ง เพตราเคยเป็นเมืองหลวงของพวก นาเบเธียนมา ตั้งแต่ศตวรรษที่ 4
ก่อนคริสตกาล
ทำเลที่ตั้งของเมืองอยู่กึ่งกลางของเส้นทางการค้าคาบสมุทรอาระเบีย-ลุ่มแม่ น้ำไนล์
และปาเลสไตน์-ลุ่ม แม่น้ำไทกริสและยูเฟรติส เลยไปจนถึงอินเดีย
จึงทำให้เป็นเมืองศูนย์กลางเส้นทางการค้าทางบก ในปี 363 ได้เกิดแผ่นดินไหวบ้านเรือนภายในเมืองพังทลายลงมาประกอบกับมีการเปิดเส้นทาง
การค้าทางทะเลที่อ่าวสุเอช ชาวเมืองจึงพากันละทิ้งเมืองไปอยู่ที่อื่น
เมื่อเวลาผ่านไป ทรายได้ปลิวมาปกคลุมเมืองทั้งเมือง จนหายไปจากแผนที่นานกว่าพันปี
แต่ในที่สุดปี 1813จอห์น เลวิช เบอร์คฮาร์ดท์ นักเดินทางชาวสวิสได้มาพบนครแห่งนี้
จึงเริ่มปรากฏแก่สายตาชาวโลกอีกครั้งและในปี 1985 องค์การยูเนสโกได้ประกาศให้ เพตรา เป็นเมืองมรดกโลกและเคยใช้เป็นสถานที่ถ่ายทำภาพยนตร์เรื่อง “อินเดียน่าโจนส์” ภาค 3 ขุมทรัพย์สุดขอบฟ้า